Q1. อยากมีผลิตภัณฑ์หรือแบรนด์เป็นของตัวเอง ต้องทำยังไงบ้าง
เริ่มแรกทางลูกค้าควรเตรียมตัวศึกษารายละเอียดเบื้องต้นก่อนว่า อยากมีผลิตภัณฑ์อะไร เช่น
- จุดเด่น สรรพคุณ คุณประโยชน์และหน้าที่ของผลิตภัณฑ์
- ประเภทของสินค้า เช่น อาหารเสริม, วิตามิน, ยา, สมุนไพร, ครีม, เครื่องสำอาง เป็นต้น
- รูปแบบผลิตภัณฑ์ เป็นเม็ด แคปซูล ผงชงดื่ม เนื้อครีม หรือเจล
- รูปแบบบรรจุภัณฑ์ เป็นกระปุกแก้ว พลาสติก กล่องกระดาษ ถุงซิป แผง หรือซองยา
- ตัวอย่างสินค้าที่มีความใกล้เคียงกับความต้องการของลูกค้า
ซึ่งรายละเอียดข้อมูลต่างๆ เหล่านี้ เป็นเหมือนการเตรียมตัวก้าวแรกก่อนที่ทางลูกค้าจะเข้ามาใช้บริการกับเรา เมื่อมีรายละเอียดที่ชัดเจนทางเราก็สามารถให้บริการอื่นๆ เพิ่มเติมได้อย่างถูกต้องและตรงความต้องการของลูกค้า
ไม่ว่าจะเป็น การเลือกวัตถุดิบสารสกัดที่มีความเหมาะสม การพัฒนาสูตรให้ผลิตภัณฑ์มีความโดดเด่นและแตกต่าง การออกแบบและคัดสรรบรรจุภัณฑ์ที่สามารถสร้างภาพลักษณ์ที่ชัดเจน รวมไปถึงการช่วยดูแลและตรวจสอบ
ข้อกำหนดและกฎหมายในการควบคุมและรับรององค์ประกอบต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ ตลอดจนการแนะนำช่องทางและแนวโน้มการตลาดที่สัมพันธ์กับผลิตภัณฑ์นั้นๆ เพื่อให้ลูกค้าได้ผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุดและขายได้จริง https://divinewellnesscbd.com/
Q2. ค่าใช้จ่ายในการใช้บริการ OEM/ODM ประมาณเท่าไร
ลูกค้าสามารถเลือกใช้บริการต่างๆ ได้ตามต้องการ โดยจะมีค่าใช้จ่ายในแต่ละบริการโดยประมาณ ดังนี้
จดทะเบียน อย. | 10,000 บาท/สูตร |
การผลิต | คำนวนจากจำนวนการสั่งผลิตขั้นต่ำ Q3 |
การออกแบบ | 10,000 บาท/ผลิตภัณฑ์ |
ทั้งนี้ หากลูกค้าต้องการใช้บริการแบบครบวงจร One Stop Service ทางเราสามารถให้บริการโดยคิดค่าใช้จ่ายในราคาเหมารวม ในราคาเริ่มต้นที่ 80,000 บาท
* ราคาดังกล่าวข้างต้นทั้งหมดเป็นราคาโดยประมาณ ราคาอาจเปลี่ยนแปลงไปตามปัจจัยต่างๆ เช่น สูตร วัตถุดิบ รูปแบบบรรจุภัณฑ์ จำนวนการผลิต เป็นต้น
Q3. จำนวนการสั่งผลิตขั้นต่ำ ในแต่ละชนิด
ด้วยนโยบายของเราที่ต้องการสนับสนุนผู้ประกอบการขนาดเล็กหรือผู้เริ่มต้นธุรกิจ
เราจึงบริการรับสั่งผลิตขั้นต่ำกว่าโรงงานอื่นๆ ทั้งในด้านราคาและจำนวน ดังนี้
เม็ดตอก (Tablet) | MOQ: 20,000 เม็ด |
แคปซูล (Capsule) | MOQ: 20,000 แคปซูล |
ผงชงดื่ม (Powder) | MOQ: 10,000 ซอง |
ครีม (Cream) | เริ่มต้น 150,000 บาท |
Q4. อยากทราบว่าในการผลิตสินค้า 1 ตัว มีขั้นตอนอะไรบ้าง และใช้ระยะเวลาในแต่ละขั้นตอนประมาณเท่าไร
ขั้นตอนการผลิตสินค้าสามารถสรุปรายละเอียดโดยคร่าวได้ ดังนี้
ขั้นตอน | รายละเอียด | ระยะเวลา | หมายเหตุ |
---|---|---|---|
1. จัดทำใบเสนอราคา | ลูกค้าแจ้งรายละเอียดเบื้องต้น อาทิ ชื่อและรูปแบบผลิตภัณฑ์ ลักษณะบรรจุภัณฑ์ที่ต้องการจ้างผลิต จำนวนที่จะผลิต และสูตรที่ต้องการ จากนั้นทางเจ้าหน้าที่จะจัดทำใบเสนอราคาให้ | 3-7 วัน | ลูกค้าเซ็นอนุมัติจึงจะเริ่มดำเนินงานในขั้นตอนต่อไป |
2. วิจัยและพัฒนาสูตร | แบ่งได้เป็น 2 กรณี คือ 2.1 สินค้าสูตรมาตรฐาน คือ สูตรที่ทางเราได้คิดค้นไว้แล้ว (สามารถเติมแต่งหรือปรับเปลี่ยนปริมาณวัตถุดิบได้เล็กน้อยตามความต้องการของลูกค้า) 2.2 สินค้าสูตรใหม่/พิเศษ คือ สูตรที่ต้องคิดค้นพัฒนาใหม่หรือมีเอกลักษณ์เฉพาะตามความต้องการของลูกค้า |
30-45 วัน (สำหรับสูตรมาตรฐาน)
45-60 วัน (สำหรับการพัฒนาสูตรใหม่) |
หากลูกค้ามีสูตรมาเอง ทางเราต้องทำการตรวจสอบเอกสารรับรองของวัตถุดิบทุกตัวก่อนจะเริ่มผลิตจริง ดังนั้นระยะเวลาในขั้นตอนนี้ จึงขึ้นอยู่กับความเรียบร้อยของเอกสารประกอบด้วย |
3. จดทะเบียน | ยื่นจดทะเบียนสูตร ต่อสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข | 30-90 วัน (สำหรับสูตรอาหารเสริม) 15-30 วัน (สำหรับสูตรครีม) |
ระยะเวลาดังกล่าวอาจเปลี่ยนแปลงได้ขึ้นอยู่กับ จำนวนคิวงานและดุลพินิจของเจ้าหน้าที่ |
4. การออกแบบ | แบ่งได้เป็น 3 กรณี คือ 4.1 ออกแบบบรรจุภัณฑ์ กล่องหรือฉลาก 4.2 ออกแบบแบรนด์ ในกรณีที่มีผลิตภัณฑ์หลายตัว เป็นการออกแบบภาพลักษณ์โดยรวมของผลิตภัณฑ์ให้สอดคล้องกัน 4.3 ออกแบบสื่ออื่นๆ เช่น ภาพบรรจุภัณฑ์ 3 มิติประกอบสื่อ ใบปลิว โปสเตอร์ นามบัตร |
ระยะเวลาโดยประมาณ 7-14 วัน 15-30 วัน 3-7 วัน |
ระยะเวลาดังกล่าวอาจเปลี่ยนแปลงได้ขึ้นอยู่กับ การอนุมัติแบบของลูกค้า |
5. การผลิตและบรรจุ | สามารถเริ่มดำเนินงานได้ทันทีเมื่อได้รับเลขทะเบียนผลิตภัณฑ์เรียบร้อย โดยขั้นตอนนี้จะเริ่มตั้งแต่การเตรียมวัตถุดิบ ไปจนถึงขั้นตอนที่สินค้าพร้อมออกวางจำหน่าย |
14 วัน | ระยะเวลาดังกล่าวอาจเปลี่ยนแปลงได้ขึ้นอยู่กับ จำนวนและความพร้อมของวัตถุดิบ และบรรจุภัณฑ์ |
6. กระบวนการจัดส่ง | เราบริการจัดส่งด้วยรถขนส่งของบริษัทเฉพาะในเขตกรุงเทพและปริมณฑล สำหรับต่างจังหวัดจะเป็นบริการของบริษัทขนส่งเอกชนที่ได้มาตรฐาน | 1-2 วัน | ระยะเวลาดังกล่าวอ้างอิงในเขตกรุงเทพและปริมณฑล |
รวมระยะเวลากระบวนการผลิตสินค้า 1 ตัว โดยประมาณ 2-3 เดือน
* ระยะเวลาเป็นการเฉลี่ยโดยประมาณ ไม่ได้แยกตามขั้นตอน
Q5. อยากขายพวกอาหารเสริมแต่งบยังไม่พอจะทำแบรนด์เป็นของตัวเอง แต่ก็อยากหาสินค้าใหม่ๆ ไปขาย
ทางเรามีลูกค้าที่มาใช้บริการจ้างผลิตอยู่จำนวนมาก มีทั้งผู้ประกอบการรายใหญ่ เจ้าของธุรกิจขนาดย่อม กระทั่งพ่อค้าแม่ค้ารายย่อย เราสามารถเป็นคนกลางช่วยประสานงานเบื้องต้นหรือแนะนำระหว่างผู้ประกอบการที่มีแบรนด์ของตัวเองกับลูกค้าที่กำลังสรรหาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ไปค้าขาย ซึ่งเราก็มีบริการทางด้านที่ปรึกษาการตลาดให้หากลูกค้าต้องการ ดังนั้นลูกค้าใหม่ที่ยังมีงบไม่มากแต่อยากเริ่มเข้ามาลงทุนในธุรกิจอาหารเสริมก็สามารถทำได้ โดยมุ่งเน้นที่เรื่องการทำตลาดและการขายก่อน และเมื่อพร้อมจึงค่อยเริ่มสู่การทำแบรนด์ของตัวเอง
Q6. กรณีลูกค้ามีวัตถุดิบหรือสารสกัดเองอยู่แล้ว แต่ต้องการให้เราผลิตให้ สามารถทำได้มั้ย
ในกรณีนี้แม้ว่าลูกค้าจะมีเอกสาร COA : Certificate of Analysis, Specification หรือเอกสารรับรองต่างๆ
ทางเราต้องขอรบกวนลูกค้าให้ทางผู้ขายวัตถุดิบหรือสารสกัดเหล่านั้นติดต่อกับเราอีกครั้ง เพื่อประสานงานเรื่องคุณภาพและคุณสมบัติอย่างละเอียดถี่ถ้วนก่อนรับผลิต
ทั้งนี้หากลูกค้าไม่มีเอกสารรับรอง ทางเราจะไม่รับตัววัตถุดิบหรือสารสกัดนั้นๆ มาผลิต แต่หากลูกค้ายืนยันความต้องการที่จะผลิต เราจะนำวัตถุดิบของเรามาใช้ผลิตแทน
Q7. เงื่อนไขการชำระเงินของการจ้างเป็นอย่างไร
แบ่งชำระเป็น 2 งวด คือ
– งวดแรก 50% ชำระในวันที่เซ็นสัญญา และดำเนินการเปิดใบสั่งซื้อ
– งวดหลัง อีก 50% ชำระภายในวันที่ส่งมอบสินค้า
Q8. บริการด้านการออกแบบ มีอะไรบ้าง
ทางเรามีทีมงาน Graphic Design ที่สามารถทำการออกแบบผลิตภัณฑ์ Packaging Design ซึ่งสามารถทำการออกแบบได้ตั้งแต่
ตัววัสดุและรูปแบบบรรจุภัณฑ์ ฉลากสินค้า / โลโก้ / ตราสินค้า / แบรนด์ผลิตภัณฑ์ ไปจนถึงสื่อสิ่งพิมพ์และสื่อส่งเสริมการขายอื่นๆ เช่น โบรชัวร์ โปสเตอร์ X-stand บิลบอร์ด Roll-up ป้ายไวนิล เป็นต้น
โดยเราจะทำการส่งปรูฟ (Proof) และแบบจำลอง (Mock up) ให้ลูกค้าก่อนการผลิตจริงทุกครั้ง
ทั้งนี้ลูกค้าสามารถเลือกขอ Artwork จากเราไปสั่งพิมพ์เองหรือจะใช้บริการสั่งพิมพ์ผ่านทางเราโดยตรงเลยก็ได้
Q9. ทางโรงงานสามารถทำสัญญาการผลิตหรือ licence ของผลิตภัณฑ์หรือสูตรกับลูกค้าได้มั้ย
คือเคยจ้างโรงงานหนึ่งผลิตอาหารเสริมให้ แต่สุดท้ายโรงงานนั้นมีผลิตภัณฑ์คล้ายกับผลิตภัณฑ์ที่เราจ้าง เพียงแต่มีการปรับสูตรต่างกันเล็กน้อย
ทางเรายินดีทำสัญญาร่วมกับลูกค้า โดยสามารถ….
- ทำสัญญาความลับทางการค้า Trade Secret Agreement
- ทำสัญญาความลับเกี่ยวกับการให้บริการทั้งหมด Confidential Agreement หรือ Non-Disclosure Agreement (NDA)
- ทำสัญญาสูตรพิเศษเพียงหนึ่งเดียว Exclusive Special Agreement
นอกจากนี้ลูกค้าสามารถเชื่อมั่นกับทางเราได้ เนื่องจากเราไม่ได้เป็น OBM จึงไม่มีการผลิตที่มีการสร้างแบรนด์เป็นของตัวเอง
และเรามีนโยบายที่ชัดเจนในการให้บริการด้านการวิจัยและพัฒนา เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ แปลกใหม่ มีเอกลักษณ์ และไม่คล้ายกับสินค้าในท้องตลาด
Q10. อยากทราบว่า OEM กับ ODM คืออะไร แล้วแตกต่างกันอย่างไร
OEM (Origianl Equipment Manufacturer) หมายถึง การรับจ้างผลิตสินค้าให้กับแบรนด์ต่างๆ ตามแบบที่ลูกค้ากำหนด โดยใช้การผลิตของเรารวมถึงเครื่องจักรที่ใช้ในการผลิตด้วย
มักจะเป็นโรงงานเปิดใหม่ ๆ หรือโรงงานที่ไม่เน้นการสร้างแบรนด์ของตนเอง และโรงงานที่ไม่มีความชำนาญในการออกแบบผลิตภัณฑ์
ODM (Original Design Manufacturer) หมายถึง การผลิตของโรงงานที่มีรูปแบบการพัฒนาดีไซน์ รูปแบบสินค้าได้เอง และเอาสินค้าเหล่านั้นไปเสนอขายให้ลูกค้าอีกทีหนึ่ง
มักจะเป็นโรงงานที่พัฒนามาจาก OEM ซึ่งสามารถเพิ่มมูลค่าสินค้าได้ด้วยดีไซน์ ซึ่งดีไซน์เหล่านี้จะเป็น Exclusive หรือ Non-Exclusive ก็ได้
OBM (Original Brand Manufacturer) หมายถึง การผลิตที่มีการสร้างแบรนด์เป็นของตัวเอง และต้องสั่งซื้อสินค้าภายใต้แบรนด์ของโรงงานเท่านั้น